เนื่องจากหมู่บ้านของพวกเราเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา หมู่บ้านที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์บางอย่างเฉพาะตัวที่ไม่มีแล้วในบางจังหวัดหรือในตัวเมืองใหญ่ ๆ เช่น รูปทรงของบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่ยังต้องรักษาไว้ตามรูปแบบของบ้านสมัยเก่า
หากต้องสร้างบ้านใหม่แล้วอยากเปลี่ยนบางอย่างให้ทันสมัยบ้าง ก็จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากทางจังหวัดเสียก่อน เราไม่สามารถสร้างบ้านตามความชอบของตัวเองได้เลย เป็นต้น
รวมทั้งกิจกรรมประจำท้องถิ่นบางอย่างที่มีมายาวนาน และยังคงรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจัดขึ้นในทุก ๆ ปี เช่น งานเฉลิมฉลองประจำปีบนภูเขา งานประจำปีของหมู่บ้าน และงานตลาดนัดประจำหมู่บ้าน ซึ่งงานเหล่านี้หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียว
โดยเฉพาะงานตลาดนัดประจำปี ที่จะมีสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น และสินค้าแฮนด์เมดจำหน่ายบ้างนิดหน่อย พอมีสีสันให้หมู่บ้านไม่เงียบเหงาจนเกินไป เพราะหมู่บ้านของพวกเรามีประชากรค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะค่อนข้างเงียบพอสมควร
ปีนี้คือปี พ.ศ. 2565 งานตลาดนัดประจำปีจัดขึ้นในกลางเดือนพฤษภาคม นับว่าค่อนข้างโชคดีพอสมควรที่ฝนไม่ตก อากาศไม่หนาว แล้วยังมีแดดแดดอ่อน ๆ ไม่ร้อนจนเกินไป จึงทำให้มีผู้คนออกมาพบปะสังสรรค์กันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวหากเทียบกับจำนวนคนที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
โดยในงานจะมีซุ้มต่าง ๆ อยู่หลายซุ้ม ซึ่งในแต่ละปีจะมีจำนวนซุ้มไม่เท่ากัน เช่น ซุ้มขายเครื่องดื่ม ซุ้มขายไอศกรีม ซุ้มขายเค้กและขนมหวาน ซุ้มขายงานฝีมือประเภทแกะสลักไม้ ซุ้มขายไส้กรอกและชีสต่าง ๆ ซุ้มขายงานฝีมือประเภทเย็บปักถักร้อย เช่น ผ้าพันคอ ถุงเท้า เสื้อไหมพรม ซุ้มขายเครื่องประดับจำพวกสร้อยคอและต่างหูที่เป็นงานแฮนด์เมด และซุ้มขายถ้วยชามเก่าแก่ เป็นต้น
แต่ที่ขาดไม่ได้ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลย ก็คือซุ้มขายดอกไม้และพืชผักสวนครัวชนิดต่าง ๆ ที่ผู้คนที่มาร่วมงานต่างเลือกซื้อติดไม้ติดมือคนละหลาย ๆ ต้นกันเกือบทุกคน บางคนซื้อเต็มท้ายรถเก๋งเลยก็มี
ราคาดอกไม้อาจจะสูงกว่าตามท้องตลาดทั่วไปอยู่นิดหน่อย แต่คนที่นี่ก็เต็มใจจ่าย เนื่องจากหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว แพงหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะ
ส่วนครอบครัวเราได้ซื้อดอกไม้สีเหลืองมาหนึ่งกระถางเล็ก ๆ เราซื้อแค่นี้เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ซื้อจากร้านขายต้นไม้ในเมืองมาบ้างแล้ว ครั้นจะซื้ออีกก็ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกแล้ว วันนี้จึงซื้อต้นเดียวพอ
อ้อ ..ไฮไลท์ของงานอีกหนึ่งอย่างที่ลืมไม่ได้เลย นั่นคืออาหารมื้อเที่ยง ที่ทางหมู่บ้านจัดขึ้นให้คนที่สนใจได้ทานร่วมกัน โดยจ่ายค่าอาหารตามความพอใจของแต่ละคน มีกล่องหยอดเงินค่าอาหารวางอยู่ก่อนเข้ารับอาหาร ใครจะหยอดห้าฟรังก์หรือสิบฟรังก์ก็ได้ไม่บังคับกันค่ะ
ซึ่งครอบครัวเรามีกันสามคนก็หยอดไป 20 ฟรังก์ ไม่มากแล้วก็ไม่น้อยเกินไป ประมาณนี้แหละกำลังพอดี ส่วนเครื่องดื่มต้องซื้อเอง ที่นี่คือต้องจ่ายเงินซื้อทุกอย่าง ไม่มีเลี้ยงอาหารฟรีเหมือนงานบุญที่ประเทศไทยนะคะ
อาหารประจำงานคือ พาสต้าซอสมะเขือเทศและเนื้อหมูบด อาหารยอดฮิตยอดนิยมประจำงานเทศกาลต่าง ๆ ของคนที่นี่ ถ้าไม่ใช่ Risotto ก็พาสต้า มีแค่นี้ล่ะค่ะ แต่คนที่นี่เขาก็ชอบกันนะ ต่างก็บอกว่าอร่อยกันทุกคน เอาเป็นว่าชอบใครชอบมันก็แล้วกันค่ะ
ทานอาหารเสร็จแล้วก็ซื้อกาแฟดื่มแล้วนั่งคุยกันต่อ ส่วนใครไม่ดื่มหรือใครจะกลับบ้านอันนี้ก็แล้วแต่ เพราะทานอาหารเสร็จก็คือจบงาน กลับบ้านใครบ้านมัน
แต่ก็นับว่าเป็นงานประจำปีที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว และสืบทอดกันมายาวนาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเล็ก ๆ ของหมู่บ้านชาวเขาอย่างพวกเรา โอกาสหน้าฟ้าใหม่ค่อยมานัดเจอกันอีกในปีต่อไป สำหรับงานตลาดนัดประจำปีของหมู่บ้านบนภูเขาสูงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ผู้เขียน Rin Switzerland
แม่บ้านไทยในต่างแดน
สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก