ป้ายกำกับ

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2567

ข้าวผัดสับปะรดหวานฉ่ำทำง่ายอร่อยสไตล์เรา


ข้าวผัดสับปะรด 

อีกหนึ่งเมนูอร่อยและทำง่ายที่คนชอบข้าวผัดไม่ควรพลาด เมนูอยากแนะนำ ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานจากเนื้อสับปะรดฉ่ำ ๆ กินแล้วติดใจจึงอยากบอกต่อเพราะไม่อยากอร่อยคนเดียวจริง ๆ อีกทั้งเครื่องปรุงก็น้อยนิด หากคิดถึงเมนูข้าวผัดเมื่อไหร่ให้นึกถึงข้าวผัดสับปะรดเพิ่มอีกหนึ่งเมนูนะคะ

ข้าวสวย สับปะรด ไข่ไก่ มะเขือเทศ ต้นหอม น้ำมันพืช น้ำมันหอย พริกไทยป่น คือวัตถุดิบและเครื่องปรุงง่าย ๆ ที่มีอยู่ทุกครัวเรือนสำหรับเมนูนี้ค่ะ 

ส่วนวิธีทำก็ง่ายเช่นกัน ดังนี้เลย

- ตั้งกระทะ เติมน้ำมันพืช พอน้ำมันพืชอุ่น ๆ ใส่ไข่ไก่ลงผัด
- ผัดไข่พอเริ่มสุกแล้วตีให้แตกเป็นชิ้นเล็กไม่จับกันเป็นไข่เจียว
- ใส่ข้าวสวยลงไปผัด เติมน้ำมันหอยและพริกไทยป่น
- คนให้เข้ากันเบา ๆ เติมสับปะรด มะเขือเทศ ต้นหอมซอย
- ผัดจนมะเขือเทศและต้นหอมสุก ชิมดูรสชาติ
- เมื่ออร่อยถูกปากแล้วตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมแตงกวาหั่นได้เลยค่ะ

 ข้าวผัดสับปะรด คือข้าวผัดที่ทำกินบ่อยเพราะชอบรสชาติเปรี้ยวอมหวานของสับปะรด จึงอยากแนะนำให้เอาไปลองทำดู รับรองว่าอร่อยแน่นอน วันนี้ใช้สับปะรดกระป๋องเพราะสะดวกสบาย หาซื้อง่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป รสชาติก็อร่อยไม่แพ้สับปะรดสด ๆ ค่ะ


  


วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ข้าวผัดไข่ใส่ใบกระเทียมและมะเขือเทศ



ข้าวผัด อีกหนึ่งเมนูอาหารที่คนไทยเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เชื่อว่าหลายคนคงเคยกินข้าวผัดกันบ้างแล้วล่ะ เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ข้าวผัดยังเป็นเมนูที่ทำง่าย เพียงมีข้าวสวย น้ำมันพืช และเครื่องปรุงเพียงนิดหน่อย ก็สามารถทำข้าวผัดได้แล้ว

ข้าวผัด มีหลายแบบ หลายสูตร คนสมัยก่อนชอบกินข้าวผัดเกลือ คือปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว หรือข้าวผัดใส่น้ำมันหมู ย้อนไปสมัยเป็นเด็กดิฉันเองก็กินข้าวผัดใส่น้ำมันหมูเช่นกัน 

เนื่องจากดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด สมัยก่อนตามบ้านนอกคอกนายังไม่มีน้ำมันพืชแพร่หลายเช่นปัจจุบัน ข้าวผัดใส่น้ำมันหมูจึงเป็นอาหารอันโอชะของเด็กบ้านนอกอย่างพวกเราเลยก็ว่าได้นะคะ 

จนปัจจุบันมีข้าวผัดมากมายหลายสูตรแตกต่างกันไป เช่น ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ข้าวผัดเบคอน และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังเพิ่มผักต่าง ๆ ลงในข้าวผัดอีกด้วย ตามความชอบของแต่ละคน วันนี้มีใบกระเทียมที่ปลูกเองจึงเอามาใส่ข้าวผัดด้วย นับว่าช่วยเพิ่มสีสันของข้าวผัดให้น่ากินยิ่งขึ้นเลยทีเดียว



วัตถุดิบและเครื่องปรุง
1. ข้าวสวย 
2.ไข่ไก่
3. มะเขือเทศ
4. ต้นหอม ใบหอม 
5. ใบกระเทียม 
6. เบคอน หรือเนื้อแผ่นอบสุก หั่นชิ้นเล็ก ๆ
7. แตงกวา 
8. พริกไทยป่น 
9. น้ำมันพืช 
10. ซอสหอยนางรม
11. ซีอิ๊วขาว
12. กระเทียมสับ

วิธีทำ
1. ผัดกระเทียมและน้ำมันพืช ให้กระเทียมเหลืองหอม
2. ใส่ไข่ไก่ลงไปผัดพอให้ไข่สุก
3. ใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากัน
4. ใส่เบคอนลงไป 
5. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น
6. ใส่มะเขือเทศลงไปแล้วคนเบา ๆ ให้เข้ากัน
7. พอมะเขือเทศสุก ใส่ใบกระเทียมและต้นหอมที่สับไว้
8. คนทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสชาติตามชอบ เสร็จแล้วตักใส่จาน
9. ตกแต่งจานด้วยแตงกวาอีกนิดหน่อย เพิ่มความอร่อยได้มากเลยเชียว




พูดถึงข้าวผัดแล้ว ดิฉันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบกินข้าวผัดมาก ๆ เลยนะคะ ข้าวผัดใช้เวลาทำน้อยมากหากเทียบกับเมนูอื่น ๆ ยกเว้นไข่เจียว อีกทั้งข้าวผัดยังสามารถใช้วัตถุดิบที่พอมีในตู้เย็นทำง่าย ๆ ก็ยังได้
แบบนีัจะไม่ให้ชอบกินข้าวผัดได้ยังไงล่ะคะ 

เพื่อน ๆ ที่มีเวลาเร่งรีบแล้วนึกเมนูไม่ออกก็ลองทำข้าวผัดสูตรนี้ดูนะคะ เครื่องปรุงต่าง ๆ ไม่มีอัตราส่วนตายตัว ทุกอย่างกะเอาตามความเหมาะสม แต่ระวังอย่าให้เค็มก็พอค่ะ

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ทำต้นคริสต์มาสประดับบ้านง่าย ๆ ด้วยวัสดุจากธรรมชาติใกล้ตัว

 


ใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เข้ามาทุกที เชื่อว่าหลายครอบครัวคงสนุกสนานกับการตกแต่งบ้านใช่ไหมคะ 

ยิ่งบ้านที่มีเด็ก ๆ คงครื้นเครงกันเป็นพิเศษ เพราะนอกจากต้องเตรียมของขวัญให้กับลูกหลานแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลายคนยังต้องตกแต่งบ้านให้สวยงามเพื่อเพิ่มสีสันในวันคริสต์มาสอีกด้วย 

แถมบางครอบครัวอาจเฉลิมฉลองต่อเนื่องยาวไปถึงปีใหม่กันเลยทีเดียว

วันนี้จึงมีไอเดียตกแต่งบ้านง่าย ๆ สไตล์คนรักธรรมชาติ ซึ่งใช้วัสดุที่หาได้จากธรรมชาติใกล้ตัวมาแนะนำ ดิฉันได้รับการแชร์ไอเดียเก๋ ๆ มาจากพี่ก้อย ซึ่งเป็นพี่คนหนึ่งที่รู้จักกันผ่านโลกโซเชียลนี่เองค่ะ

เมื่อเห็นว่าเป็นการตกแต่งบ้านแนวธรรมชาติซึ่งน่ารักและทำง่ายมาก จึงอยากแบ่งปันต่อสำหรับคนที่ชื่นชอบแนวธรรมชาติเหมือนกันให้ได้นำไปประยุกต์ใช้ที่บ้านของท่านเอง 

สำหรับคนที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าธรรมชาติ ต้นคริสต์มาสในกระถางรูปแบบนี้ใช้วัสดุที่หาได้จากป่าข้างบ้านจริง ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กิ่งไม้ ใบสน ลูกสนแห้ง มอสแห้ง 

แต่ที่ต้องหาเพิ่มเติมอีกอย่างคือกระดาษหนังสือพิมพ์เท่านั้นเองค่ะ

ส่วนกระถางสำหรับวางต้นคริสต์มาสนั้นเป็นกระถางที่มีอยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีกระถางก็สามารถใช้ขวดโหล ชามก้นลึก หรือกระถางต้นไม้ทั่วไปที่มีอยู่แล้วในบ้านแทนก็ได้นะคะ

เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้วก็ลงมือทำง่าย ๆ เลย โดยวางกิ่งไม้ให้ตั้งตรงในกระถาง จากนั้นใช้หนังสือพิมพ์วางรอบกิ่งไม้ให้แน่นเพื่อไม่ให้กิ่งไม้เอียง 

ตัดกิ่งสนให้ได้ขนาดพอเหมาะกับกระถาง แล้วใช้เชือกมัดติดกับกิ่งไม้ให้แน่น โดยให้ยอดกิ่งสนลงด้านล่าง เมื่อมัดจนได้รูปทรงของต้นสนแล้ว ปิดทับกระดาษหนังสือพิมพ์ด้วยมอสแห้งอีกหนึ่งชั้น 

จากนั้นติดลูกสนแห้งไว้บนแผ่นมอสหรือขอบกระถางอีกสักลูกสองลูก ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสวยงามอีกสักหน่อย เพียงเท่านี้ก็จะได้ต้นคริสต์มาสในกระถางแบบง่าย ๆ สำหรับตกแต่งภายในบ้านแล้วล่ะค่ะ

อาจจะเพิ่มความสวยงามอีกนิดด้วยการจุดเทียนหอมไว้ใต้ต้นคริสต์มาสก็ได้นะคะ นอกจากแสงเทียนจะสร้างความโรแมนติกภายในบ้านแล้ว เทียนหอมยังให้กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน

หรือจะวางกระถางต้นคริสต์มาสไว้บางตำแหน่งก็ได้ เช่น ห้องครัว หรือ ห้องนั่งเล่น 

นอกจากจะให้ความรู้สึกสดชื่นแล้ว เทียนหอมยังสร้างอารมณ์สุนทรีย์ให้แก่บ้านได้อีกด้วย

หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งไอเดียตกแต่งบ้านง่าย ๆ สำหรับเทศกาลคริสต์มาสของเพื่อน ๆ นะคะ

เพราะเห็นว่าเป็นเทคนิคที่ดีและมีประโยชน์จึงนำมาแบ่งปันต่อ 

ลองเอาเทคนิคนี้ไปทำที่บ้านได้เลยค่ะ


วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เที่ยวงานประจำปีที่หมู่บ้านบนภูเขาของสวิตเซอร์แลนด์

 


บันทึกการเดินทางปี 2022

แม่บ้านสวิตเซอร์แลนด์พาเที่ยว

ตอนที่ 5

เที่ยวงานประจำปี

ที่หมู่บ้านบนภูเขาของพวกเรา


17 กรกฎาคม พ.ศ.2565

เช้านี้แม่ตื่นนอนเวลาประมาณแปดโมงกว่า ซึ่งนับว่าตื่นสายกว่าทุกวันหลายชั่วโมงพอสมควร คงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย อาการไม่อยากลุกจากที่นอนในตอนเช้าจึงเกิดขึ้น บวกกับช่วงนี้ลูกสาวปิดเทอมด้วยเลยไม่ต้องรีบตื่นนอนแต่เช้ามืดเหมือนช่วงเปิดเทอม แม่จึงพลอยนอนตื่นสายไปกับลูกด้วย ยิ่งพอขึ้นไปนอนที่บ้านบนภูเขาด้วยแล้ว อากาศที่เย็นสบายและเงียบสงบไม่มีเสียงรบกวนก็ทำให้นอนหลับสบายขึ้นไปอีก เรียกว่าหลับลึกทั้งแม่และลูกกันเลยทีเดียว


ทันทีที่เปิดประตูหน้าบ้านออกเพื่อสูดอากาศเย็น ๆ ในตอนเช้า จมูกแม่ก็ได้สัมผัสกับกลิ่นหอมจากเนื้อย่างที่ลอยมากับอากาศยิ่งเพิ่มความสดชื่นเข้าไปอีก อ้อ..ใช่แล้ว วันนี้มีงานประจำปีของภูเขานี่นา งานประจำปีที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์สัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคมของทุกปี  ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม เป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนานที่สืบทอดมานานจากรุ่นสู่รุ่นและส่งต่อไปยังรุ่นต่อ ๆ ไป





สำหรับในงานปีนี้ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากทานอาหารเที่ยงของผู้คน ทั้งที่มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นี่ และคนที่มาจากหมู่บ้านอื่นแล้วแวะมาทานอาหารเที่ยงที่นี่ ซึ่งเมนูวันนี้มีซี่โครงหมูย่างและยำมันฝรั่งพร้อมยำมะเขือเทศอร่อย ๆ ฝีมือการปรุงของทีมพ่อครัวประจำงานหลาย ๆ คน นอกจากซี่โครงหมูย่างแล้วยังมีข้าวโพดบดต้มสุกหรือ polenta และหมูตุ๋นอีกหนึ่งเมนูอีกด้วย


แต่เดี๋ยวก่อน งานประจำปีที่นี่ไม่ได้ทำอาหารให้กินฟรีหรอกนะคะ อย่าพึ่งเข้าใจผิดคิดว่าทุกคนจะมากินฟรีค่ะ ทุกคนที่มางานต้องซื้อคูปองแลกอาหารก่อนนะถึงจะได้อาหารมานั่งทานนะคะ โดยราคาค่าอาหารคือจานละ 15 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 500 บาทไทย ส่วนเครื่องดื่มก็ต้องซื้อเหมือนกัน ราคาเครื่องดื่มจ่ายตามราคาขายหน้าเคาน์เตอร์ ดื่มมากจ่ายมาก ดื่มน้อยจ่ายน้อย แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ

 




ส่วนครอบครัวเรามีกันสามคนพ่อแม่ลูก อาหารคนละจานก็จ่ายเงินไป 45 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 1600 บาทไทย และเครื่องดื่มคือโค้กขวดเล็กหนึ่งขวดและเบียร์อีกหนึ่งแก้ว แม่จ่ายค่าเครื่องดื่มไป 11 ฟรังก์ หรือประมาณ 390 บาทไทย รวมเบ็ดเสร็จแล้ว วันนี้ครอบครัวเราจ่ายค่าอาหารมื้อเที่ยงไป 56 ฟรังก์ หรือประมาณ 1990 บาท สำหรับอาหารสามจานและเครื่องดื่มอีกสามแก้ว


ถามว่าแพงมั้ยก็ต้องบอกว่า เวลามีงานเทศกาลตามสถานที่ต่าง ๆ ของที่นี่ ค่าอาหารก็จะประมาณนี้เกือบทุกที่ หรือบางที่แพงกว่านี้เท่าตัวก็มีแต่ทุกคนก็ยินดีจ่าย และแม่จะย้ำเสมอว่างานประจำปีหรืองานอะไรต่าง ๆ ของที่นี่จะไม่มีอาหารให้กินฟรีเหมือนที่ประเทศไทยนะคะ ไม่มีโรงทานให้บริการอาหารและเครื่องดื่มเหมือนบ้านเรา ทุกอย่างต้องจ่ายเงินซื้อเท่านั้นค่ะ


สำหรับงานในวันนี้นับว่าคนมาร่วมงานน้อยกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปีก่อน ๆ จะมีทั้งดนตรีบรรเลงเพลงพื้นเมืองให้ฟังตลอดงานด้วย ปีนี้ค่อนข้างเงียบนิดหน่อย ได้ยินมาว่าขายอาหารได้สองร้อยกว่าจานเท่านั้นเอง ซึ่งปกติจะต้องขายได้มากกว่าสามร้อยจานขึ้นไป สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าโรคระบาดที่เริ่มจะกลับมาระบาดอีกรอบก็ได้ แต่เท่าที่เห็นคนที่มาทานอาหารในวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตกันตามปกติ  ยังนั่งทานอาหารและสนทนากันแบบแนบชิดจนแทบติดกันอยู่ 


ส่วนแม่นั้นไม่ล่ะค่ะ ดิฉันไม่ได้สนทนากับใครเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จะคุยกับใครด้วยนั่นแหละเพราะเราไม่ได้รู้จักใครมากมาย แค่ทักทายคนรู้จักนิดหน่อยก็พอ แต่จะว่าไปชีวิตปกติแม่ก็ไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไหร่หรอก จะว่าโลกส่วนตัวสูงก็คงได้ แม่ไม่ชอบเสียงคนคุยกันเยอะ ๆ เพราะรู้สึกว่าคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมแม่ยังนั่งทานอาหารห่างจากชาวบ้านเขาอีก ทานอาหารเสร็จก็รีบกลับบ้านทันที เช่นเดียวกับหลาย ๆ ที่มาร่วมงาน พอทานข้าวเสร็จก็กลับบ้านใครบ้านมันเช่นกัน


เขียนบันทึกและถ่ายภาพโดย
Rin Switzerland
แม่บ้านไทยในต่างแดน
สวิตเซอร์แลนด์ดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก  


วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เดินป่าคนเดียวเพื่อทดสอบความกล้าและจิตใจของตัวเอง

 


บันทึกการเดินทางปี 2022

แม่บ้านสวิตเซอร์แลนด์พาเที่ยว

ตอนที่ 4

เดินป่าคนเดียว

เพื่อทดสอบความกล้าและจิตใจของตัวเอง


16 กรกฎคม พ.ศ.2565 

กับทุกการเดินทางและเกือบทุกกิจกรรมที่แม่ทำในแต่ละวัน แม่จะถ่ายรูปภาพเก็บไว้ดูเสมอ และวันนี้ก็เช่นกันขณะอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนภูเขา บ่ายนี้พ่อมีนัดซ้อมยิงปืนกับเพื่อน ๆ ที่สนามยิงปืนที่หมู่บ้านซึ่งอยู่ด้านล่างและอยู่ติดกับหมู่บ้านของพวกเรา แม่ก็เลยลงมาจากหมู่บ้านบนภูเขาด้วย แต่แม่เลือกเดินเท้าแทนการนั่งรถมากับพ่อ


ก่อนออกเดินทางพ่อถามแม่ว่าแน่ใจใช่ไหมว่าจะเดินลงเขา เนื่องจากแม่เป็นโรคปวดหลังเรื้อรังมานานหลายปีจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทซึ่งยังรักษาไม่หาย เวลาเดินลงจากภูเขาเท้าของเราจะรับน้ำหนักจากแรงกระแทกมากกว่าการเดินขึ้นเขา พ่อกลัวแม่จะปวดหลังเลยไม่ค่อยอยากให้แม่เดินเท่าไหร่ แต่แม่ก็บอกพ่อว่าแน่ใจ เพราะแม่อยากทดสอบความกล้าของตัวเองด้วย พ่อก็เลยต้องยอมให้แม่เดินป่าคนเดียว



ทุ่งหญ้าก่อนถึงทางเดินป่า


แม่ออกเดินทางจากบ้านบนภูเขาเวลาบ่ายสองตรง มุ่งหน้ามายังป่าซึ่งเป็นทางลัดที่ไม่ค่อยลัดเท่าไหร่ เป็นทางลาดชันและเงียบจนเกือบจะวังเวง ระหว่างทางนั้นมีแม่เพียงคนเดียวและเสียงดังก๊อกแก๊กจากจิ้งจกที่วิ่งผ่านหญ้าแห้งให้ได้ยินเสียงและหันมองอย่างหวาดระแวงเป็นครั้งครา บวกกับสายลมพัดเบา ๆ พอให้เย็นสบายเป็นช่วง ๆ ระหว่างทางลงเขาที่สูงชัน 


วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนแรงแสงแดดแผดเผาตลอดทั้งวัน ใช่สินะก็นี่มันกลางเดือนกรกฎาคมเดือนแห่งฤดูร้อนเต็มรูปแบบแล้วนี่นา อาจจะร้อนไปนิดนึงแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอแดดเอาซะเลย เพราะพืชผักที่ปลูกไว้ในสวนล้วนต้องการแสงแดดเพื่อการเจริญเติบโตกัน พอเห็นผักที่ตัวเองปลูกไว้เจริญงอกงามและได้เก็บเกี่ยวผลผลิต คนปลูกอย่างเราก็ดีใจที่ได้กินผักสด ๆ ที่ตัวเองลงมือปลูก




ศาลานั่งพักระหว่างทาง


ตลอดเส้นทางที่เดินลงเขาไม่มีคนเดินแม้แต่คนเดียว นอกจากความเงียบสงบของธรรมชาติและศาลานั่งพักระหว่างทางอยู่หนึ่งหลัง พร้อมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านซึ่งอยู่ภูเขาอีกลูก ศาลาหลังนี้สร้างไว้สำหรับให้คนที่ผ่านมาได้นั่งพักระหว่างทาง ขณะเดียวกันก็ได้ดูวิวและบรรยากาศสวย ๆ ไปด้วย แม่นั่งพักที่ศาลานี้แป๊บนึงแล้วก็เดินทางต่อทันที นั่งนานไม่ได้เพราะอยู่คนเดียวมันก็เสียว ๆ อยู่เหมือนกัน


ด้วยทางเดินลงเขาที่ค่อนข้างสูงชัน ชาวบ้านในสมัยก่อนจึงได้ทำบันไดจากก้อนหินน้อยใหญ่ให้พอเดินได้ค่อนข้างสะดวกพอสมควร แต่ต้องคอยระวังอย่างเดียวคือการลื่นล้มจากฝักของต้นสนที่วางเรียงรายอยู่ตามพื้นถนน ถ้าเผลอเหยียบแล้วลื่นล้มขึ้นมาล่ะก็ นอกจากแขนขาถลอกปอกเปิกแล้ว  นึกดูเอาเถอะว่าถ้าบาดเจ็บอยู่ในป่าคนเดียวแล้ว ความรู้สึกจะเป็นยังไง




ทางเดินลงค่อนข้างชัน


แม่ใช้เวลาค่อย ๆ เดินเรื่อย ๆ พร้อมกับหยุดถ่ายรูประหว่างทางบ้างนิดหน่อย ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็กลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย พร้อมแผ่นหลังที่เปียกโชกจากเหงื่อไคลที่ไหลย้อยเพราะแสงแดดที่ร้อนเปรี้ยง ๆ ในตอนบ่ายแก่ ๆ ส่วนพ่อได้ขับรถลงมาถึงก่อนหน้าแม่แล้วประมาณ 10 นาที เมื่อนั่งพักจนหายร้อนแล้ว แม่จึงจัดแจงหาไอศกรีมจากตู้แช่แข็งมาให้พ่อและตัวเองคนละถ้วยเล็ก ๆ ก่อนพ่อจะไปซ้อมยิงปืนกับเพื่อน ๆ ของพ่อ


จริง ๆ คนเราแต่ละคนมีอะไรให้ทำมากมายในแต่ละวัน แม่เองก็เหมือนกัน  เป็นมนุษย์อีกหนึ่งคนที่อยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ต้องหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ส่วนบันทึกการเดินทางในแต่ละครั้งเป็นเพียงการอยากเล่าเรื่องราวที่แม่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วเอามาเล่าเพื่อส่งต่อเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อแชร์ประสบการณ์สำหรับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านได้รับรู้จากเรื่องราวที่แม่ได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง


เขียนบันทึกและถ่ายภาพโดย
Rin Switzerland
แม่บ้านไทยในต่างแดน
สวิตเซอร์แลนด์
ดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก


วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Nuffenen หุบเขาสูงต้นกำเนิดของแม่น้ำ Ticino ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในฤดูร้อนปี 2022

 


บันทึกการเดินทางปี 2022
แม่บ้านสวิตเซอร์แลนด์พาเที่ยว

ตอนที่ 3
Nuffenen
ต้นกำเนิดของแม่นำ้สายTicino
 

หลังจากดื่มกาแฟที่ร้านอาหารใบหุบเขา Cioss Prato เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราได้ออกเดินทางต่อทันที โดยจุดหมายต่อไปซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด และเป็นหุบเขาสูงที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือมอเตอร์ไซค์ก็ตาม ต่างต้องจดรถที่นี่เพื่อดูวิวภูเขาสวย ๆ รับลมเย็น ๆ จนถึงหนาวเล็กน้อยในฤดูรัอน และแน่นอนว่าต้องสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ด้วยทุกครั้งที่เดินทางผ่าน  


Nuffenen หรืออีกชื่อคือ Novena เป็นหุบเขาสูงซึ่งกว่าจะเดินทางขึ้นมาถึงที่นี่ได้ ต้องผ่านแนวภูเขาที่ลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งตามความซับซ้อนซ่อนตัวของภูเขาแต่ละลูก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเกือบทุกเส้นทางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น ได้รับการดูแลและปรับปรุงซ่อมแซมอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ขณะเดินทางเราจะรู้สึกเพลินเพลินไปกับการชมความสวยงามของธรรมชาติ จนลืมนึกถึงความคดเคี้ยวของทุกเส้นทางกันเลยทีเดียว






ในระหว่างการเดินทางนั้นนอกจากความสวยงามของภูเขาหินสูงที่ลดหลั่นกันอย่างลงตัวและสวยงามเป็นระยะ ๆ แล้ว ทุกครั้งที่มีรถมอเตอร์ไซค์ขับสวนทางมาหรือแซงหน้าไป เราจะได้เห็นถึงลีลาการเอียงตัวเพื่อเข้าโค้งของคนขับมอเตอร์ไซค์แต่ละคน  ซึ่งบางทีก็จะแซงหน้าไปทีละหลาย ๆ คันพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังบรึ้ม ๆ จนต้องมองตามทุกครั้ง  นับว่าเป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลินระหว่างทางที่หาได้ไม่ยากบนภูเขาสูงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์


พวกเราใช้เวลาเดินทางจากร้านอาหารด้านล่างประมาณ 20 นาที ก็มาถึงหุบเขาด้านบนซึ่งมีแอ่งน้ำขนาดไม่ใหญ่มากอยู่เบื้องหน้าหนึ่งแอ่ง มีรถตู้สีขาวของนักท่องเที่ยวจอดอยู่หนึ่งคัน เลยมาอีกนิดเป็นลานจอดรดแบบเปิดโล่งขนาดจอดรถได้ประมาณ  20 คัน มีร้านขายของที่ระลึกขนาดเล็กอยู่หนึ่งร้าน ซึ่งในวันนั้นเราสองคนแม่ลูกก็ได้ซื้อที่ติดตู้เย็นซึ่งสลักชื่อของหุบเขามาด้วย 2 ชิ้นเล็ก ๆ แต่ก็น่ารักดี ซื้อเพื่อเก็บไว้เป็นของสะสมกับทุกสถานที่ที่พวกเราเดินทางไปเยือน


 
แม่เหล็กติดตู้เย็นจาก Nuffenen ของสะสมกับทุกการเดินทาง


Nuffenen หรือ Passo della Novena เป็นหุบเขาสูง 2478 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ภายใต้การปกครองของจังหวัด Vallese มีความสำคัญคือเป็นหุบเขาที่เชื่อมระหว่าง Valle di Goms ของจังหวัด Vallese และ Val Bedretto เมือง Airolo ของจังหวัด Ticino เข้าด้วยกัน โดยการสร้างถนนให้เชื่อมต่อกันเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1965-1969  แต่เนื่องจากที่นี่เป็นหุบเขาสูงและอันตรายจากหิมะถล่มในฤดูหนาว ฉะนั้นระหว่างเดือนตุลาคม - มิถุนายน ถนนจึงจะถูกปิดการสัญจร 


และเนื่องจากเป็นหุบเขาสูงที่มีเขื่อนกักเก็บน้ำอยู่ด้านบนด้วย Nuffenen จึงเป็นจุดที่น้ำไหลลงสู่จังหวัด Ticino และเรียกแม่น้ำสายนี้ว่าแม่น้ำ Ticino  อยู่ในจังหวัด Ticino ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งน้ำจะไหลลงสู่ประเทศอิตาลีต่อไป 






ในวันที่พวกเราเดินทางมาที่นี่คือตอนสาย ๆ อากาศกำลังอุ่นสบาย ๆ แดดอ่อน ๆ ไม่ร้อนเกินไป แต่เนื่องจากร้านอาหารปิดบริการ จึงทำให้นักท่องเที่ยวทำได้เพียงแวะซื้อของที่ระลึกพร้อมชมวิวริมบ่อน้ำและภูเขา แล้วก็ขับรถเพื่อไปยังจุดอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งในวันนั้นได้มีกลุ่มมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์หลายคันขับมาจอดพอดี จึงได้เก็บเอาภาพบรรยากาศที่ค่อนข้างโรแมนติกมาด้วย แต่เนื่องจากบางช่วงมีก้อนเมฆบดบังแสงแดดไว้ ภาพจึงอาจจะมืดนิดหน่อย


แต่จะว่าไปแล้วก็เนื่องจาก Nuffenen นั้นเป็นเพียงจุดผ่านหรือจุดพักรถให้ชมวิวภูเขาสวย ๆ เท่านั้นเอง เหตุนี้จึงทำให้ผู้คนใช้เวลาชมวิวอยู่ที่นี่ไม่นานแล้วก็ผ่านไป ซึ่งพวกเราเองก็ได้จอดรถเพื่อดูบรรยากาศอยู่ที่นี่ประมาณ 10 นาที แล้วก็ขับรถเพื่อออกเดินทางไปยังจุดต่อไปทันที แล้วจะมาเล่าต่อในบทความต่อไปกับสถานีรถจักรไอน้ำในจังหวัด Vallese แล้วมาติดตามกันต่อนะคะ
สวัสดีค่ะ


เขียนและถ่ายภาพโดย..Rin Switzerland
แม่บ้านไทยในต่างแดน
สวิตเซอร์แลนด์
ดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กาแฟหอมกรุ่นกับบรรยากาศสุดชิลล์ที่ Cioss Prato ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

 


บันทึกการเดินทางปี 2022

แม่บ้านสวิตเซอร์แลนด์..พาเที่ยว


ตอนที่ 2

กาแฟหอมกรุ่นที่ Cioss Prato

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

บทความก่อนหน้านี้ได้พูดถึง Cioss Prato ซึ่งเป็นหุบเขาที่รับน้ำมาจากต้นกำเนิดของแม่น้ำ Ticino ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปบ้างแล้ว กับการเดินทางไปยังอุโมงค์น้ำแข็ง Furka  แต่ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง พวกเราได้แวะดูสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายแห่ง และจุดแรกที่พวกเราได้จอดรถชมวิวทิวทัศน์ก็คือ Cioss Prato ซึ่งอยู่ที่ Val Bedretto ในจังหวัด Ticino นั่นเองค่ะ 


เมื่อจอดรดเรียบร้อยแล้ว พวกเราเดินตรงไปยังร้านอาหารทันที ปกติหากเป็นฤดูหนาวซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก ๆ ลูกค้าจะนั่งดื่มและนั่งทานอาหารกันภายในร้านเท่านั้น  แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ทางร้านจึงได้จัดโต๊ะจัดเก้าอี้ให้ลูกค้าได้นั่งกินลมชมวิวกันสบาย ๆ ภายนอกร้านอีกด้วย เรียกว่าดื่มไปชมวิวไปสบายใจจริง ๆ นะเออ ประมาณนั้นล่ะค่ะ




อ้อ..ในฤดูหนาวเมื่อมาที่ร้านนี้เราต้องสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์เองนะคะ ประมาณว่าเซลฟ์เซอร์วิสหรือบริการตัวเองนั่นแหละ ส่วนในฤดูร้อนแบบนี้ก็จะมีเด็กนักเรียนซึ่งมาทำงานหารายได้ช่วงปิดเทอมคอยบริการอยู่ค่ะ และวันนี้เราสามคนพ่อแม่ลูกได้สั่งเครื่องดื่มมาคนละอย่าง พร้อมขนมขบเคี้ยวอีก 2 ถุง แค่นี้ก็พอแล้วล่ะสำหรับเครื่องดื่มระหว่างแวะพักข้างทาง


ตอนที่พวกเรามาถึง ที่นั่งด้านนอกร้านมีลูกค้านั่งอยู่ก่อนแล้ว 2-3 โต๊ะ พอเลือกที่นั่งได้แล้วพวกเราก็สั่งเครื่องดื่มทันที เราและสามีสั่งกาแฟนมหรือคาปูชิโน่คนละถ้วย ส่วนลูกสาวสั่งโกโก้ร้อนหนึ่งที่ วันนี้อากาศค่อนข้างดี ไม่มีลม แต่มีแสงแดดอ่อน ๆ อุ่นสบาย นั่งดูบรรยากาศรอบ ๆ ระหว่างรอพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ





สักพักกาแฟหอมกรุ่นถูกยกมาวางลงตรงหน้า แต่ที่สะดุดตาที่สุดจนต้องว้าวก็คือรูปหัวใจจากผงสีน้ำตาลดำของโกโก้ที่วาดลวดลายบนครีมขาวจากนมสดนั่นเลย นาน ๆ จะเจอกาแฟลวดลายสวย ๆ แบบนี้สักที ดิฉันก็อดใจไม่ได้ที่จะถ่ายรูปมาอวดเพื่อน ๆ ค่ะ ..ก็คนมันอยากอวดนี่นา


อาหารอีกหนึ่งอย่างที่ต้องซื้อทุกครั้งที่มาที่นี่ เรียกว่าไม่ซื้อไม่ได้เลย ก็อัลม่อนด์เคลือบน้ำตาลซึ่งเป็นสินค้าโฮมเมดจากแม่บ้านที่นี่ล่ะค่ะ ทั้งหวาน กรอบ  อร่อย ราคาอาจจะสูงหน่อยคือถุงละ 5 ฟรังก์ แต่นาน ๆ ซื้อทีก็พอไหวอยู่ค่ะ นั่งทานที่นั่นไปถุงนึง ส่วนอีกถุงเก็บไว้ทานที่บ้าน  นั่งดื่มด่ำกับกาแฟและธรรมชาติอยู่ไม่นานก็ออกเดินทางต่อทันที 






อ้อ .. นอกจากบรรยากาศสวยและอาหารอร่อยแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์คริสตัลให้ชมอีกด้วยนะคะ แต่ต้องซื้อตั๋วก่อนถึงจะเข้าชมด้านในได้ ซึ่งวันนี้พวกเราไม่ได้เข้าดูจึงไม่รู้ว่าราคาตํ๋วเท่าไหร่ แต่หากสนใจเข้าดูได้ที่ลิงก์ด่านล่างนี้เลยค่ะ
https://www.ticino.ch/it/commons/details/Grotta-dei-Minerali/144248.html



ส่วนการเดินทางมาที่นี่ก็ค่อนข้างสะดวกพอประมาณ มีรถประจำทางผ่านทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว จะเดินทางสะดวกกว่าสำหรับรถยนต์ส่วนตัว แต่หากต้องการรถโดยสารประจำทาง ดูรายละเอียดที่ลิงก์ด้านล่างเช่นกันนะคะ
https://www.postauto.ch/it/idee-per-escursioni/cioss-prato#:~:text=Nel%20comune%20di%20Bedretto%20l,spettacolari%20itinerari%20con%20le%20racchette.


สุดท้ายและท้ายสุด บทความนี้ต้องจบลงกับกาแฟหอมกรุ่นที่ Cioss Prato แห่งหุบเขา Val Bedretto ช่วงนี้พวกเราออกเดินทางกันบ่อย มาติดตามต่อกับสถานที่ต่อไปของพวกเรานะคะ
บ๊าย บาย ค่ะ

เขียนและถ่ายภาพ..Rin Switzerland
แม่บ้านไทยในต่างแดน
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก



ข้าวผัดสับปะรดหวานฉ่ำทำง่ายอร่อยสไตล์เรา

ข้าวผัดสับปะรด   อีกหนึ่งเมนูอร่อยและทำง่ายที่คนชอบข้าวผัดไม่ควรพลาด เมนูอยากแนะนำ ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานจากเนื้อสับปะรดฉ่ำ ๆ ก...